มาทำความรู้จักกับ “วิตามินซี”
มาทำความรู้จักกับ “วิตามินซี”
วิตามินซีคืออะไร?
วิตามินซี หรือ กรดแอสคอร์บิก (Ascorbic acid) เป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อการทำงานของร่างกาย มีหน้าที่กระตุ้นการสร้างโปรตีนคอลลาเจน, สนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน, และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ โดยปกติวิตามินซีที่ร่างกายได้รับจากการรับประทานอาหารจะสะสมมากบริเวณผิวหนังโดยเฉพาะที่ชั้นหนังแท้และหนังกำพร้า แต่ปริมาณวิตามินซีที่ผิวจะค่อย ๆ ลดลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น และหลังจากสัมผัสรังสียูวี, มลภาวะ, และอนุมูลอิสระต่าง ๆ การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ผสมวิตามินซีจึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยเติมวิตามินซีให้กับผิวโดยตรง และมีคุณประโยชน์ต่อผิวมากมาย อาทิ
1. ปกป้องการเสื่อมสภาพของผิวเนื่องจากรังสียูวี
2. ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน จึงทำให้จุดด่างดำต่าง ๆ ที่เกิดจากรอยสิว และแสงแดด รวมทั้งฝ้าจางลง
3. ปกป้องผิวจากการทำร้ายโดยอนุมูลอิสระ และป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนังเนื่องจากการสัมผัสรังสียูวี
4. กระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน จึงทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับขึ้น
5. ต้านการอักเสบ, ลดรอยแดง, ลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อและการเกิดแผลเป็น
6. เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
7. ช่วยสมานบาดแผล โดยเฉพาะแผลจากการไหม้หรือแผลกดทับ
วิตามินซีเหมาะกับใคร
วิตามินซีเหมาะกับทุกสภาพผิวเนื่องจากไม่ค่อยก่อให้เกิดการระคายเคือง อย่างไรก็ตามการใช้วิตามินซีให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และปราศจากการระคายเคืองควรคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1. ความเป็นกรด-ด่างของผลิตภัณฑ์: วิตามินซีจะถูกดูดซึมและออกฤทธิ์ได้ดีในสภาวะที่ค่อนไปทางกรดที่พีเอชต่ำกว่า 3.5 ผลิตภัณฑ์ที่มีค่าพีเอชสูงกว่านี้อาจมีผลให้วิตามินซีมีประสิทธิภาพลดลง
2. ปริมาณของวิตามินซี: ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดคือผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นของวิตามินซีมากกว่า 8% แต่ไม่เกิน 20% เนื่องจากความเข้มข้นที่สูงกว่านี้ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ามากนักและอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายนั้นควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นของวิตามินซีไม่สูงนัก หรือใช้ในปริมาณน้อยต่อครั้ง
3. รูปแบบของวิตามินซี: L-ascorbic acid เป็นรูปแบบของวิตามินซีมีประสิทธิภาพสูงสุดและนิยมใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อย่างไรก็ตามผู้ที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยงการใช้วิตามินซีในรูป L-ascorbic acid ควรเลือกใช้วิตามินซีในรูปของ magnesium ascorbyl phosphate แทน เนื่องจากทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองน้อยกว่า สำหรับผู้ที่มีผิวมันควรเลือกใช้ L-ascorbic acid และ sodium ascorbyl phosphate เนื่องจากสามารถละลายได้ดีในสูตรผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก จึงให้เนื้อสัมผัสที่บางเบาและไม่ทำให้ผิวมันมากขึ้น ส่วนวิตามินซีในรูปแบบที่ละลายได้ดีในน้ำมัน เช่น ascorbyl palmitate และ tetrahexyldecyl ascorbate เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้ง เนื่องจากมีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
4. ความคงสภาพของวิตามินซี: โมเลกุลของวิตามินซีเสื่อมสภาพได้ง่ายเมื่อสัมผัสกับความร้อน, แสงสว่าง, และอากาศ โดยปกติวิตามินซีจะใสไม่มีสีหรือมีสีเหลืองอ่อน ๆ แต่เมื่อใดก็ตามที่สีเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล (อาจสังเกตได้ง่ายในกรณีที่เป็นเซรั่ม) นั่นหมายถึงว่าวิตามินซีได้ถูกออกซิไดซ์และเสื่อมประสิทธิภาพ การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ควรคำนึงส่วนประกอบของสูตรและบรรจุภัณฑ์ร่วมด้วย โดยวิตามินซีในรูปของ L-ascorbic acid, ascorbyl palmitate, และ magnesium ascorbyl phosphate จะมีความคงตัวค่อนข้างสูง และบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ควรทึบแสงหรือมีสีชาเพื่อลดผลของแสงที่จะไปทำให้วิตามินซีเสื่อมสภาพ
วิธีการใช้:
ไม่ควรใช้วิตามินซีร่วมกับ
Benzoyl peroxide: เนื่องจากวิตามินซีจะถูกออกซิไดซ์และเสื่อมประสิทธิภาพ หากต้องการใช้ทั้งสองผลิตภัณฑ์ควรใช้การสลับช่วงเวลา โดยใช้วิตามินซีในช่วงเช้า และbenzoyl peroxide ในช่วงกลางคืน หรือใช้สลับวันกัน
ควรระมัดระวังเมื่อใช้วิตามินซีร่วมกับ
1. AHA และ BHA: เนื่องจากทั้ง AHA, BHA, และวิตามินซี จัดอยู่ในกลุ่มที่มีฤทธิ์เป็นกรด การใช้ร่วมกันจึงอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองเนื่องจากสภาวะที่กรดสูงเกินได้
2. Retinol (หรือ retinoids): เนื่องจากวิตามินซีและ retinol ออกฤทธิ์ได้ดีที่ค่าความเป็นกรด-ด่างต่างกัน การใช้ร่วมกันจึงอาจทำให้สารทั้งสองชนิดมีประสิทธิภาพลดลง หากต้องการใช้ควรใช้วิตามินซีในช่วงเช้า และใช้ retinol ในช่วงกลางคืน หรือใช้ในเวลาเดียวกันแต่รอให้วิตามินซีซึมหมดก่อนแล้วจึงใช้ retinol ในลำดับถัดมา
ควรใช้วิตามินซีร่วมกับ
1. วิตามินอี: เนื่องจากวิตามินอีเองก็จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ การใช้คู่กันจึงเป็นการส่งเสริมให้วิตามินทั้งสองชนิดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. Ferulic acid: เนื่องจาก ferulic acid ช่วยให้วิตามินซีมีความคงตัวมากขึ้น จึงออกฤทธิ์ได้นานขึ้น
3. ครีมกันแดด: ทั้งวิตามินซีและครีมกันแดดสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงควรใช้วิตามินซีในเวลาเช้าตามด้วยการทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง
Thaicream.com